top of page

LGBTQ+

1.My Own Private Idaho (1991)

เรื่องนี้เป็นหนังที่เปิดตัวความหล่อสุดขีดของคีอานู รีฟส์ และริเวอร์ ฟินิกซ์ เล่าเรื่องของเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่เป็นเกย์และโตมาแบบไม่มีแม่ หนังเล่าเรื่องการใช้ชีวิตของโสเภณีชาย และเพื่อนรักสองคนที่มีจุดหมายในชีวิตที่ดำเนินอยู่ในเรื่องเดียวกัน ริเวอร์ ฟินิกซ์เล่นเป็นไมค์ โสเภณีชายที่ขาดแม่ ส่วนคีอานูเล่นเป็นสก็อต ลูกค้าชายที่เขาแอบมีใจให้ และสก็อตนี่เองที่บอกว่าเขาจะยอมมีเซ็กซ์กับผู้ชาย ถ้ามีคนยอมจ่ายเงินให้เขา เรื่องนี้โชว์ฝีมือการแสดงของริเวอร์ ฟินิกซ์อย่างที่ไม่มีใครจะลืมได้ ถึงแม้เขาจะจากโลกนี้ไปนานแล้วก็ตาม ส่วนคีอานูก็เล่นได้เลือดเย็นต่างจากภาพฮีโร่ผู้ถูกเลือกในแมทริกซ์ไปเลยอย่างสิ้นเชิง ต้องหาดูให้ได้เลยนะเรื่องนี้

e86d40f454b87fe67d0be70479fae3fe.jpeg

2.Philadelphia (1993)

ทอม แฮงค์สได้รับรางวัลออสการ์ดารานำชายจากเรื่องนี้เลย เขาเล่นเป็นทนายความ แอนดรูว์ แบคเก็ท ที่ไม่ยอมบอกโลกว่าเขาเป็นเกย์ เขาทำงานในบริษัทกฎหมายขนาดใหญ่ในเมืองฟิลาเดลเฟีย แต่เพื่อนร่วมงานที่สังเกตเห็นความเปลี่ยนไปของเขา เป็นคนเปิดเผยเรื่องนี้ของเขา ทำให้เขาโดนไล่ออกจากบริษัท เขารู้สึกไม่เป็นธรรมจึงทำเรื่องฟ้องเรื่องนี้ขึ้น ทอม แฮงค์สเล่นดีจนชนะใจทุกคน เขาเล่นเป็นคนที่ป่วยลงเรื่อยๆ ได้แบบที่คนดูจะเห็นใจเขา และเข้าใจคนที่ป่วยเป็นโรคเอดส์ในยุคนั้นมากๆ แอนโตนิโอ แบนเดอรัสเล่นเป็นคู่รักของเขาด้วย

e31cc4bdfb81228d818cc603b51158f6.jpeg

3.Happy Together (1997)

หนังที่ดีงามมากเรื่องหนึ่งของหว่องกาไว เป็นเรื่องของคู่รักชาวเกย์ฮ่องกง ที่เดินทางไปยังบัวโนสไอเรส เหลียงเฉาเหว่ยและเลสลี่ จางเล่น เรียกว่าเป็นหนังอินดี้ที่ดังมากๆ ในปีนั้น พวกเขาอยากไปน้ำตกเอกวาซูในอาร์เจนติน่าด้วยกันสักครั้ง แต่การเดินทางของพวกเขา เป็นเรื่องของการยึดมั่นในความรัก อารมณ์เหงาๆ ในความรัก จนทำให้เกิดความขัดแย้งในใจกัน เรื่องนี้พี่เหลียงเฉาเหว่ยตีบทแตกมาก แค่หน้า และแววตาของเขาก็บอกได้ทั้งหมด ฉากเลิฟซีนฮอตมาก และมือที่สามที่เข้ามาในชีวิตของทั้งสอง หนุ่มชาวใต้หวันก็แอบจิกกัดประเด็นการเมืองในเวลานั้น ที่ฮ่องกงเพิ่งถูกตกไปอยู่ในมือของจีน เรื่องนี้หว่องกาไวทำสีของทั้งเรื่องให้คอนทราสท์มาก ไม่มีความคลุมโทนใดๆ ดูแล้วเราจะเห็นความรักบางอย่างอันรุนแรงในใจได้เลย

952e37003987a2819f9044dd37d07031.jpg

4.Before Night Fall (2000)

เรื่องนี้รวมดาราตัวพ่อมากๆ มากันทั้งจาเวียร์ บาร์เด็ม, จอห์นนี่ เดปป์, โอลิวิเยร์ มาร์ติเนซ, ฌอน เพนน์ก็ยังเล่นด้วยนะ เป็นเรื่องของนักกวีและนักเขียนชาวคิวบาที่เล่าเรื่องของเขาไปตั้งแต่เกิดจนตาย เขาได้ร่วมกับการปฏิวัติของฟิเดล แคสโตร เขามีความสัมพันธ์ทั้งรักทั้งเกลียดมาโดยตลอด และก็เปิดเผยพฤติกรรมรักเพศเดียวกันของเขาด้วย งานเขียนเกี่ยวกับโฮโมเซ็กช่วลของเขานั่นเอง ที่ทำให้เขาเดือดร้อน เขาติดคุกไป 2 ปี และเขียนจดหมายโต้ตอบกับเพื่อนที่เขาเคยอยู่ด้วยที่แมนแฮตตัน ถึงเขาจะโตมาในสังคมที่ยากจน แต่เขาก็เปิดเผยที่จะบอกโลกถึงจิตวิญญาณอันเซนซิทีฟของเขาผ่านบทกวี

a5326d6a0d81a12d9b10fa2b44e19333.jpg

5.Blue Is The Warmest Colour (2013)

ความรักของเด็กสาวสองคนก็สวยงามได้ เหมือนกับเรื่องของอเดล เด็กผู้หญิงขี้อายวัยมัธยมที่เธอได้พบกับผู้หญิงผมสีฟ้าขณะข้ามถนน และรู้สึกถูกดึงดูดเข้าไปหาเธอคนนั้นทันที อเดลเดทกับเพื่อนหนุ่มแต่เธอกลับไม่มีความสุข จนมาได้จูบกับเพื่อนสาวของตัวเอง เธอถึงรู้ว่าตัวเองชอบผู้หญิงด้วยกัน หนังเล่าเรื่องอเดลตั้งแต่เป็นวัยรุ่นจนไปถึงวัยทำงาน คนดูจะเห็นเลยว่าพอเธอโตเป็นผู้ใหญ่ เรื่องก็เริ่มยากขึ้นแล้ว ความรักอย่างเดียวอาจเอาไม่รอด หนังเพลินๆ น่ารัก มีเรื่องของความรักที่เข้มข้นเหมือนกันนะ

eb8571cf30fc61525ecb16e48ec87cc5.jpg

6.Portrait Of A Lady On Fire (2019)

หนังรักอันสวยงามซาบซึ้งอีกเรื่อง เป็นเรื่องในปี 1770 ที่แมเรียน อาร์ติสท์สาวถูกจ้างให้มาเพนท์รูปของผู้หญิงคนหนึ่งที่กลังจะแต่งงาน เธอลังเลที่จะเป็นเจ้าสาว และแมเรียนต้องเพนท์เธอโดยที่เธอไม่รู้ตัว ทำให้แมเรียนต้องสังเกตความเป็นเธอ และแอบรู้จักเธอเงียบๆ ลับๆ ไปในแต่ละวัน จนเกิดเป็นความรักเกิดขึ้น หนังมีความสวยงามของความเป็นผู้หญิงสองคนที่รักกันไปเต็มๆ รักต้องห้าม รักที่ไม่มีวันเป็นไปได้ ทำให้เรื่องนี้เป็นหนึ่งในหนังที่ใครๆ ดูแล้วจะต้องวาบหวามในความรักตามไป

b2ecf83ccb82103e727e242c2d9ec314.jpg

7.Tales of the city หลากเรื่องในเมืองใหญ่

คุณคงเคยได้ยินว่าซานฟรานซิสโก นั้นคือมหานครสีรุ้งที่เต็มไปด้วยความสนุก อิสรภาพ และความหลากหลายทางเพศ ซีรีส์หลากเรื่องในเมืองใหญ่ (Tales of the city) ได้สะท้อนให้เห็นภาพของความหลากหลายนั้นให้ชัดเจนยิ่งขึ้น โดยเล่าเรื่องถึงกลุ่ม LGBTQ ที่อาศัยอยู่ร่วมกันในอพาร์ทเมนต์แห่งหนึ่งบนถนน Barbary lane มี ‘แอนนา’ สตรีข้ามเพศอายุ 90 ปีเป็นเจ้าของ เรื่องราวของคู่รักแต่ละคู่ที่ต่างก็มีรสนิยมทางเพศที่แตกต่างทั้งคู่เกย์ต่างวัยที่คนนึงติดเชื้อเอชไอวี ผู้ชายข้ามเพศหรือทรานส์แมน (ซึ่งใช้นักแสดงที่เป็นทรานส์จริงๆ) กับคู่รักผู้หญิงที่รักกันมาตั้งแต่เป็นเลสเบี้ยน รวมถึงความรักของหญิงชาย แต่ละคู่นั้นมีเรื่องราวความรักที่หลากหลายครบรส นอกจากความหลากหลายทางเพศแล้วเนื้อเรื่องยังนำเสนอความแตกต่างของอายุ ของเจเนอเรชั่นที่ช่วยให้เราเรียนรู้บุคลิกและทัศนคติของคนแต่ละช่วงวัยไปด้วย เป็นซีรีส์ที่มีเนื้อหาทันสมัยแม้จะสร้างขึ้นจากนิยายที่เขียนโดย Armistead Maupin ตั้งแต่ปี 1978 และเคยมีการสร้างเป็นซีรีส์มาแล้วในปี 1993 เนื้อเรื่องดูสนุกแม้จะไม่ได้หวือหวาน่าตื่นเต้นแต่ก็ชวนติดตามในทุกตอน ทำให้เราได้เห็นแง่มุมชีวิตที่มีความหลากหลายและเมื่อลืมคำจำกัดความทางเพศไป เรื่องราวที่เกิดขึ้นนั้นก็คือเรื่องของมนุษย์คนหนึ่งที่ต้องเผชิญ สุข ทุกข์ เหงา เศร้า ไม่ต่างกัน

30912.jpeg

8.Love of Siam รักแห่งสยาม

ภาพยนตร์เดบิวต์ของหนุ่มหล่อ มาริโอ้ เมาเร่อ และ วิชญ์วิสิฐ หิรัญวงษ์กุล ที่ต้องรับบทเป็นหนุ่มในช่วงมัธยมปลายที่กำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ทั้งในเรื่องความรักและความรู้สึกของตนเอง ซึ่งกลายเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของผู้กำกับชื่อดัง มะเดี่ยว-ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล และยังมีกองทัพดาราดังอย่าง สินจัย เปล่งพานิช, เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์, ทรงสิทธิ์ รุ่งนพคุณศรี ร่วมแสดงด้วย เมื่อได้เห็นภาพโปสเตอร์หนังครั้งแรก หลายคนคงเข้าใจผิดว่าจะเป็นหนังคู่รัก หญิง-ชายวัยใส แต่เนื้อเรื่องกลับพลิกผันเป็นภาพยนตร์ชายรักชายแทน “รักแห่งสยาม” ถือว่าเป็นภาพยนตร์ไทยเรื่องแรกๆ ที่ออกมาถ่ายทอดเรื่องราวความรักแบบ LGBT ในช่วงยุคปี 2000 แบบตรงไปตรงมา หลังจากที่ออกฉายเมื่อปี 2550 ก็ได้กระแสตอบรับไปอย่างล้นหลาม จึงเป็นเหตุที่ทำให้ มาริโอ้ กลายเป็นขวัญใจของชาวสีรุ้งมาจวบจนทุกวันนี้ เนื้อเรื่องแสดงให้เห็นถึงการไม่ยอมรับในความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเอก “โต้ง” ไปจนถึงความเข้าใจและการยอมรับในตัวตนจากครอบครัวของโต้ง เมื่อได้ชมแล้วจะรู้สึกถึงความรักวัยใสที่อบอุ่นละมุนละไม เป็นอีกหนึ่งภาพยนตร์ไทยภาพยนตร์ที่ดูแล้วฟีลกู๊ดแน่นอน

Love_siam_poster.png

9.The Danish Girl

the Danish Girl สร้างจากเรื่องจริงของ ไอนาร์ เวเกเนอร์ (เอ็ดดี เรดเมน) จิตรกรชื่อดังชาวเดนมาร์ก และ เกอร์ดา (อลิเซีย วิกันเดอร์) ภรรยาซึ่งเป็นจิตรกรเหมือนกัน แต่ยังหาแนวทางของตัวเองไม่เจอทำให้ผลงานไม่เป็นที่ยอมรับ ทั้งคู่ยังไม่มีลูกด้วยกัน ชีวิตครอบครัวก็ดูปกติดี แม้จะมีเรื่องที่ไม่เข้ากันอยู่บ้างตรงที่ ไอนาร์ ไม่ชอบออกงานสังคม เพราะไม่อยาก ‘สวมบทเป็นตัวเอง’ ต่อหน้าใคร

ปัญหาของเขาและเธอ เริ่มต้นขึ้นเมื่อวันหนึ่ง เพื่อนของ เกอร์ดา ไม่ว่างมาเป็นแบบให้เธอวาด เธอจึงขอให้ไอนาร์แต่งหญิงเป็นแบบแทน นั่นเป็นครั้งแรกที่ไอนาร์สัมผัสได้ถึงความรู้สึกส่วนลึกที่แท้จริงของตัวเองที่กระซิบบอกอยู่ตลอดเวลาว่า เขาเกิดมาเพื่อเป็นผู้หญิง ที่ทุกคนรู้จักในชื่อ ‘ลิลี่’ ในเวลาต่อมา

จากวันนั้นไอนาร์ก็ได้สวมบทเป็นลิลี่บ่อยครั้ง ทั้งไปออกงานคู่เกอร์ดา โดยบอกทุกคนว่าเป็นญาติของไอนาร์ รวมถึงเป็นนางแบบให้เกอร์ดาวาดจนผลงานของเธอโด่งดังในที่สุด แล้วลิลี่ก็เริ่มมีตัวตนชัดเจนขึ้นจนไอนาร์ไม่สามารถกลับไปทำหน้าที่สามีได้

1.jpg

10.Sex Education

ถึงจะฉาบหน้าด้วยคำว่า วิชาเพศศึกษา แต่ Sex Education ไม่ได้มีแค่เรื่องเซ็กส์อย่างเดียว แต่ยังร้อยเรียงเรื่องการใช้ชีวิต การตัดสินใจ ครอบครัว เพื่อน ความสัมพันธ์ และคนรัก ผ่านคาร์แร็กเตอร์ตัวละครที่หลากหลายที่สุดอย่างที่ซีรีส์เรื่องหนึ่งจะทำได้ วัยรุ่นเกย์ผิวสี วัยรุ่นที่พบว่าตัวเองเป็นไบ หรือครอบครัวที่มีผู้ปกครองเป็นเลสเบียน และยังฉายภาพความทับซ้อนเหล่านี้โดยที่ทุกประเด็นและทุกตัวละครมีน้ำหนักไม่น้อยไปกว่ากัน 

ตัวละครที่เราชอบมาคือ เอริก เอฟฟิออง (Eric Effiong) ที่รับบทโดย เอ็นคูติ กัตวา (Ncuti Gatwa) วัยรุ่นผิวสีที่ไม่เคยปิดบังเพศสภาพของตัวเอง แต่เลือกที่จะแสดงออกอย่างระมัดระวัง เนื่องจากมีครอบครัวที่เป็นห่วง จนกระทั่งมีเหตุการณ์ที่ทำให้เอริกได้ทบทวนตัวเองว่าแท้จริงแล้วเขาต้องการใช้ชีวิตแบบไหน และเป็นตัวเองในรูปแบบใด ในซีรีส์ก็ยังมีแง่มุมอื่นๆ ให้เราเรียนรู้และติดตามอีกมาก เรากล้าพูดว่า Sex Education เป็นอีกซีรีส์ที่ไม่ควรพลาด เพราะมีเนื้อหาเข้มข้น แต่ไม่หนักหน่วง ทว่าก็ไม่เบาจนมีเพียงความบันเทิง อีกทั้งชวนให้เราฉุกคิดเกี่ยวกับคำว่า

2.jpg
bottom of page